รีวิว โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว” คือหนังแฟนตาซีฟอร์มใหญ่จาก Netflix ที่สร้างจากนิยายขายดีของ โซมาน ไชนานี ซึ่งเคยติดอันดับหนังสือเยาวชนขายดีทั่วโลก และมียอดขายกว่า 2.5 ล้านเล่ม หนังเล่าเรื่องของโซฟีและอกาธา สองเพื่อนซี้จากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ถูกดึงเข้าไปยังโรงเรียนลึกลับ ซึ่งสอนให้คนเป็น ‘ตัวละครในเทพนิยาย’ ฝ่ายดีหรือฝ่ายร้าย ทว่าความวุ่นวายเริ่มต้นเมื่อโซฟีกลับถูกส่งไปโรงเรียนฝ่ายร้าย ส่วนอกาธากลับได้อยู่ในฝ่ายดี ทั้งสองจึงต้องหาทางพิสูจน์ตัวเองในโลกที่ความดีและความชั่วถูกแบ่งแยกอย่างชัดเจน หนังได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง พอล เฟก ที่เคยฝากผลงานไว้ใน “Bridesmaids”, “Spy”, และ “Ghostbusters (2016)” มาทำหน้าที่ทั้งกำกับ เขียนบท และโปรดิวซ์ พร้อมด้วยทีมนักแสดงระดับแม่เหล็ก อาทิ ชาร์ลิซ เธอรอน, เคอร์รี วอชิงตัน, มิเชล โหย่ว, ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น และเสียงบรรยายจาก เคต แบลนเชตต์ ที่มารับบทเป็น “Storian” ผู้บอกเล่าเรื่องราวในโลกเทพนิยายนี้ จุดเด่นของหนังอยู่ที่ความแฟนตาซีอลังการ ทั้งในแง่ของงานโปรดักชัน ฉาก คอสตูม และซีจีที่ดูดี มีความหวือหวาแบบเทพนิยายร่วมสมัย ตัวหนังผสานธีมโลกคู่ขนาน การแบ่งฝั่งดี-ร้าย ความเป็นฮีโร่และวายร้าย ตลอดจนการวิพากษ์สูตรสำเร็จในนิยายคลาสสิกที่หลายคนคุ้นเคย
แต่แม้จะเริ่มต้นด้วยแนวคิดที่น่าสนใจ หนังกลับมีปัญหาเรื่องบทที่ยังติดกับดักของสูตรสำเร็จเองเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะครึ่งหลังที่กลายเป็นหนังวัยรุ่นแนวไฮสคูลแบบเดาได้ไม่ยาก มีฉากรักวัยใส เพื่อนแกล้ง แอบชอบพระเอก และการแสวงหาการยอมรับ ตัวละครหลายตัวก็มีพัฒนาการที่ไม่สมเหตุผล บางคนดูดีเกิน บางคนร้ายแบบไม่สุด จนทำให้บทสรุปของเรื่องที่พยายามจะสร้างจุดหักมุมและมิตรภาพดูเบาบางไปบ้าง ถึงอย่างนั้น ถ้าดูแบบไม่คิดมาก หนังเรื่องนี้ยังดูสนุก เพลิน ๆ ได้อยู่ โดยเฉพาะคนที่ชอบโลกเวทมนตร์ เทพนิยาย และเรื่องราวแนวเจ้าหญิงเจ้าชาย มีความดิสนีย์จ๋า แต่แอบเทาในมุมมองความดีความชั่วที่ไม่จำเป็นต้องขาวหรือดำเสมอไป “The School for Good and Evil” คือหนังแฟนตาซีดูง่าย ภาพสวย คอสตูมอลัง นักแสดงระดับแม่เหล็ก แต่ติดปัญหาด้านบทที่ยังวนอยู่ในสูตรเดิม ๆ เป็นหนังเหมาะกับสายแฟนตาซี ผู้รักโลกเทพนิยาย เจ้าหญิง และเวทมนตร์ ที่อยากดูอะไรเบา ๆ เพลิน ๆ ในบรรยากาศแบบโรงเรียนเวทมนตร์ผสมไฮสคู
เรื่องย่อ โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อว่า “กาลวาดอน” (Gavaldon) ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันว่าทุก ๆ สองปี จะมีเด็กชายหญิงถูกลักพาตัวหายไปโดยไร้ร่องรอย และไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาถูกพาไปที่ไหน… จนกระทั่งวันหนึ่ง โซฟี (Sophia Anne Caruso) เด็กสาวผู้ใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าหญิงแสนดีในเทพนิยาย ได้รู้เรื่องโรงเรียนลับแห่งหนึ่งที่ฝึกฝนให้เด็กกลายเป็น “ตัวละคร” ในโลกนิทาน โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว โซฟี มั่นใจว่าเธอเหมาะสมกับฝั่ง “ดี” อย่างที่สุด ขณะที่เพื่อนสนิทของเธออย่าง อกาธา (Sofia Wylie) เด็กสาวลุคดาร์กที่มักถูกมองว่าเป็นแม่มด กลับไม่ได้สนใจโลกเทพนิยายเลยแม้แต่น้อย แต่แล้วในคืนพระจันทร์สีแดง ทั้งคู่กลับถูกพาไปยังโรงเรียนลึกลับแห่งนี้จริง ๆ และโชคชะตาก็เล่นตลกเข้าเต็มเปา โซฟีถูกส่งไปยังโรงเรียนฝ่าย “ชั่ว” ส่วนอกาธาถูกจัดให้อยู่ฝั่งดีเมื่อโลกทั้งใบกลับหัวกลับหาง สองเพื่อนรักจึงต้องฝ่าฟันบทเรียนและการทดสอบที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ ความลับ และคำถามเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของตัวเอง ทั้งคู่ต้องค้นหาความจริงว่า “ความดี” และ “ความชั่ว” แท้จริงแล้วถูกกำหนดจากอะไร — จากภายนอกที่สังคมตีตรา หรือจากสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจ เรื่องราวพาไปสู่การเผชิญหน้ากับอาจารย์ฝ่ายดีและชั่วระดับตำนาน เช่น เลดีเลสโซ (Charlize Theron), ศาสตราจารย์โดวีย์ (Kerry Washington), อาจารย์อเนโมนี (Michelle Yeoh) และผู้อำนวยการโรงเรียนลึกลับ (Laurence Fishburne) รวมถึงปริศนาเกี่ยวกับ “ราฟาล” บุรุษแห่งตำนานที่เคยสร้างสมดุลให้โรงเรียนแห่งนี้ในโลกที่แบ่งขั้วระหว่างขาวกับดำ เพื่อนรักสองคนนี้จะสามารถเขียนนิทานบทใหม่ที่ไม่จำกัดด้วยกรอบเดิม ๆ ได้หรือไม่ต้อตืด
